รู้จักกับเส้นด้ายและเนื้อผ้า

ผ้าฝ้าย(Cotton100%) ผ้าใยสังเคราะห์(TK) และผ้าฝ้ายผสม(CVC, TC) เป็นเนื้อผ้าที่นิยมในการผลิตเสื้อยืด ผ้าแต่ละชนิด มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน คุณสมบัติของเนื้อผ้าที่เราต้องการ ได้แก่ ระบายอากาศดี ซับเหงื่อ เรียบ นุ่ม คงทน ยืดหยุ่นดี ไม่หด ไม่ยับและราคาถูก ปัจจัยที่มีผลต่อคุณสมบัติเหล่านี้ คือ วัสดุของเส้นด้าย เบอร์ของเส้นด้าย รูปแบบการทอผ้า และกระบวนการหลังทอผ้า

วัสดุของเส้นด้าย ประเภทของผ้าทั้ง 3 ชนิดที่กล่าวไป แท้จริงแล้วคือวัสดุของเส้นด้าย เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกำหนดคุณสมบัติของผ้า

1. ฝ้าย หรือ คอตตอน100 (Cotton100%)

ด้ายชนิดนี้ได้มาจากการใช้ปุยฝ้ายเล็กๆ มาปั่นรวมกันจนกลายเป็นเส้น คุณสมบัติหลักของฝ้ายคือ ระบายอากาศได้ดี เหมาะกับการสวมใส่ในสภาพอากาศร้อน ซับเหงื่อและสัมผัสเรียบนุ่ม คอตตอน100 เป็นเนื้อผ้าที่คนทั่วไปรู้จักและเข้าใจว่าเป็นผ้าที่มีคุณสมบัติดีที่สุด แต่คอตตอน100 ยังมีอีกหลายเกรดขึ้นกับความบริสุทธิ์และกระบวนการปั่นฝ้าย

1.1 คอตตอนโออี (Cotton OE) : คอนตอน100 ที่เกรดต่ำสุด เนื้อผ้าจะมีความหยาบกระด้าง ยังมีสิ่งสกปรกเจือปนในเส้นใยอยู่ ทำให้เวลานำไปกัดสีหรือฟอก อาจสังเกตเห็นสิ่งเจือปนในเนื้อผ้าได้ ความเหนียวและความทนทานจะน้อยกว่าอีก 2 เกรดที่เหลือ แต่มีราคาถูกที่สุด

1.2 คอตตอนเซมิ (Cotton Semi) : เรียกคอตตอน100 ได้เช่นกัน เป็นเส้นด้ายคุณภาพเกรดปานกลาง สิ่งเจือปนน้อย ใยเส้นสั้น เมื่อนำมาปั่นรวมเป็นเส้นด้าย จึงได้ด้ายเส้นค่อนข้างใหญ่ คุณภาพของเส้นใยเมื่อนำมาทอผ้าจะได้ผ้าฝ้ายที่เหนียวนุ่ม เรียบเนียนกว่าคอตตอนโออี

1.3 คอตตอนคอมบ์ (Cotton Comb) : ฝ้ายที่ผ่านการคัดคุณภาพ ให้ได้ฝ้ายที่บริสุทธิ์และคุณภาพดีที่สุด ไม่มีสิ่งเจือปน นำมาผ่านกระบวนการปั่นด้ายที่ทันสมัย จะได้ใยเส้นยาวและละเอียด เมื่อนำมาปั่นจะได้เส้นด้ายที่มีขนาดเล็ก ได้ผ้าที่มีความเรียบ เนียนนุ่ม ทนทาน แต่มีราคาสูงที่สุดในทุกเกรดที่กล่าวมา

2. ฝ้ายผสม (CVC, TC)

เส้นด้ายมีส่วนผสมระหว่างฝ้ายและใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์(Polyester) มีคุณสมบัติตรงกลางระหว่างคอตตอน100 กับ ผ้าใยสังเคราะห์ ให้สัมผัสนุ่มเนียน ยืดหยุ่นสูง ระบายอากาศได้ คงทน ไม่หด ไม่เสียทรงเหมือนคอตตอน100 และมีราคาถูกกว่า ฝ้ายผสมยังสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ตามสัดส่วนของฝ้ายและโพลีเอสเตอร์

2.1 CVC : เส้นใยผสมระหว่างฝ้าย และใยสังเคราะห์ โดยมีสัดส่วนของฝ้ายมากกว่าใยสังเคราะห์ เป็นที่นิยมในการผลิตเสื้อยืด มีคุณสมบัติดีคล้ายคอตตอน100 ที่ถูกปรับปรุงให้อยู่ทรง ไม่หด ไม่ย้วย สัดส่วนที่ใช้กันในท้องตลาดได้แก่ ฝ้าย80/ใยสังเคราะห์20 และ ฝ้าย65/ใยสังเคราะห์35

2.2 TC : เส้นใยผสมระหว่างฝ้าย และใยสังเคราะห์ เช่นกัน แต่กลับสัดส่วน มีใยสังเคราะห์มากกว่าฝ้าย จะให้คุณสมบัติคล้ายใยสังเคราะห์มากกว่า โดยเส้นใยTC จะระบายอากาศได้ไม่ดีเท่าคอตตอน100 จึงมักอาศัยเทคนิคการทอให้ผ้ามีรู้เล็กๆ เพื่อเพิ่มการระบายอากาศ ข้อดีที่โดดเด่น คือ คงทน เนื้อผ้าสวยเป็นเงา ไม่ยืด ไม่ยับ ไม่ย้วย สัดส่วนที่ใช้กันในท้องตลาดได้แก่ ฝ้าย35/ใยสังเคราะห์65

3. ใยสังเคราะห์ (TK)

ผลิตจากใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ มีราคาถูกที่สุด ได้คุณสมบัติมันเงา สีสดสวยงาม ยืดหยุ่นน้อย ระบายอากาศไม่ดีนัก ไม่ซับเหงื่อ แต่เหมาะมากที่สุดสำหรับการพิมพ์ลายด้วยวิธีซัมลิเมชั่น(Sublimation)หรือการพิมพ์ด้วยวิธีรีดร้อน จะให้ภาพที่คมชัดและสีสันสดใสที่สุด นิยมใช้เนื้อผ้าTK ร่วมกับการพิมพ์ซับลิเมชั่น ในการผลิตเสื้ออีเว้นท์ เสื้อทีม เสื้อพิมพ์ลายด่วน เพราะมีต้นทุนต่ำที่สุด สามารถผลิตในจำนวนน้อยได้

ด้วยคุณสมบัติระบายอากาศไม่ดีนัก จึงใช้เทคนิคการทอผ้าให้มีลักษณะเป็นรูมาชดเชย เช่น ผ้าจูติ ที่นิยมนำมาตัดเสื้อโปโล หรือทอด้วยเส้นใยเส้นเล็ก ละเอียด ให้ผ้ามีเนื้อแน่น มันเงา เรียกว่า ผ้าไมโคร นิยมนำมาตัดเป็นเสื้อกีฬา

เบอร์ของเส้นด้าย ขนาดหรือเบอร์ของเส้นด้าย ก็มีส่วนในการกำหนดคุณสมบัติของผ้า ยิ่งขนาดของเส้นด้ายเล็ก เมื่อนำมาทอผ้าก็จะได้ผ้าที่มีเนื้อเนียนละเอียด และบางเบา กว่าด้ายที่มีขนาดใหญ่ เบอร์ที่มีใช้ในท้องตลาด ได้แก่ เบอร์20 เบอร์32 และ เบอร์40 (***ยิ่งเบอร์น้อย เท่ากับ เส้นด้ายขนาดใหญ่***)

รูปแบบการทอผ้า รูปแบบการทอผ้ามีหลากหลายเทคนิค ขึ้นกับคุณสมบัติที่ต้องการ เช่น การทอรูรังผึ้ง ผ้าที่ได้จะมีรูเล็กช่วยให้ผ้าระบายอากาศได้ดีขึ้น นิยมใช้กับด้าย TC หรือ TK นอกจากนี้รูปแบบการทอยังช่วยในเรื่องความยืดหยุ่น ความเรียบเนียน ความนุ่มฟู

กระบวนการหลังทอผ้า หลังจากได้ผ้าดิบแล้ว ผ้าที่ได้ก็จะเข้าสู่โรงย้อมผ้า การย้อมผ้ามีส่วนทำให้คุณสมบัติของผ้าเปลี่ยนแปลง เช่น น้ำหนักเพิ่มขึ้น เคมีการจากย้อมอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เป็นต้น นอกจากนี้กระบวนการหลังทอผ้า ได้แก่ การฟอก การรีด การอบ ก็มีผลเช่นกัน